วันนี้ 30 มีนาคม 2561 เป็นวันไบโพลาร์โลก วันที่เราชวนให้โลกหันมาทำความรู้จักโรคไบโพลาร์¹ เพื่อกำจัดตราบาปในสังคม บ้านเรามีตราบาปโรคนี้ที่ไม่เหมือนที่อื่น เราใช้ชื่อไบโพลาร์เป็นคำด่านักการเมือง หรือคนที่เรากลียดชนิดไม่มีคำไหนสื่อระดับความเลวได้
เพราะหลักสูตรเราไม่ได้สอนเรื่องโรคจิตเวชกับเด็กๆ พอคนเห็นชื่อไบโพลาร์แปลว่าสองขั้ว ก็คิดเอาเองว่าคนป่วยจะเป็นคน ① สองบุคลิก วันนึงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ② สองหน้า โกหกพลิกไปมาหน้าตาเฉย ③ เอาแต่ใจ ขี้วีน คุมตัวเองไม่ได้ ④ เสพติดความรุนแรงแบบฆาตกรโรคจิต ซึ่งทั้งหมดอาจจะเป็นโรคจิตเวชก็ได้ แต่เป็นโรคอื่นที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับไบโพลาร์สักนิด
โรคไบโพลาร์ ในทางการแพทย์คือ
ในทางการแพทย์ โรคไบโพลาร์ เป็นโรคทางสมอง² ที่ทำให้มี- บางเดือนเปลี่ยนไปแบบทุกวันหมดพลัง ท้อแท้ (เหมือนโรคซึมเศร้า)
- บางสัปดาห์/เดือนเปลี่ยนไปแบบทุกวันพลังล้นไฮเปอร์ มั่นใจเกินร้อย
- ช่วงที่เหลือ (เวลาประมาณ 50%³) ก็ปกติเหมือนตอนก่อนป่วย
ความผิดปกติของสมองผู้ป่วยไบโพลาร์ |
แต่ในสื่อ ในละครทีวี จะใช้คำว่าไบโพลาร์ในความหมายเหล่านั้น เพราะเขาก็เข้าใจอย่างนั้นจริงๆ เช่นตัวร้ายแว้ดๆสมัยก่อนคือนิสัยเสียเห็นแก่ตัว สมัยนี้จะต้องให้เป็นไบโพลาร์ ราวกับว่าคนธรรมดาจะไม่ร้ายขนาดนั้นได้ โดยไม่เจตนา สื่อได้สอนนิยามคำนี้ให้สังคมไทย จนกลายเป็นความหมายหลักในภาษาไทยร่วมสมัย เช่นสมมุติเจอเพื่อนวีนเอาแต่ใจ เขาก็จะแซวว่า “อย่ามาไบโพลาร์”
ลองนึกทุกครั้งที่คนป่วยได้ยินจะรู้สึกอย่างไร?
ตราบาปเกิดจากไม่แคร์นิยามทางการแพทย์
คำว่าไบโพลาร์แปลว่าสองขั้วเลยตีความโรคนี้เอาเองว่า สองหน้า สองบุคลิก อารมณ์แปรปรวนในหนึ่งวัน ไม่ได้แคร์ว่าจิตแพทย์นิยามอย่างไร ชื่อไทยของโรคไบโพลาร์ คือโรคอารมณ์สองขั้ว ไม่เคยมีโรคจิตเวชชื่อโรคสองบุคลิก อันนั้นสื่อตั้งขึ้นเอง อันที่จริงคนที่มีหลายคนในร่างเดียวเขาเป็นโรคหลายบุคลิก (DID) คนที่เคยดูหนังเหล่านั้นจะรู้จักกันดีคำว่า “ตราบาป” (stigma) คือเมื่อเรารังเกียจใครเพียงเพราะเขาผิดแปลกจากสังคม เช่นเพราะโรค ศาสนา สีผิว น้ำหนัก เพศ ฯลฯ ไม่ใช่เพราะการกระทำของเขา เมื่อเราไปรังเกียจเขาทันทีที่รู้เรื่องเหล่านั้น ทั้งที่ไม่เคยรู้จักเขา หรือแม้แต่รู้จักเขาดีมาตลอด ก็เกลียดเขาขึ้นมาทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเรา
ความเกลียดโรคไบโพลาร์อย่างรุนแรงนี้เกิดจากความเข้าใจผิดข้างต้น ทำให้คำว่าไบโพลาร์ถูกใช้กับความเลวร้ายระดับเกินคำไหนจะบรรยาย เช่นฆาตกรเลือดเย็น หรือนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ลองนึกทุกครั้งที่คนป่วยได้ยินจะรู้สึกอย่างไร?
กรณีตัวอย่างใช้ชื่อโรคเป็นคำด่า
- Bipolar Affective Disorder โรคบ้าประจำตัวทักษิณ
- จากหมอถึง“คนไข้จิตเวช“ชื่อทักษิณ
- หรือว่า"ทักษิณ"Bipolar
- ยิ่งลักษณ์มีอาการคล้ายคนเป็นโรคไบโพลาร์
- เวลาคนพูดจริงบ้างโกหกบ้างผสมปนเปกันไป แยกผิดแยกถูกไม่ได้ เขาเรียกว่าโรคไบโพลาร์…ผมเกรงว่าคุณสุเทพจะเป็นโรคนี้เสียแล้ว
- ประยุทธ์เป็นไบโพลาร์
- ฝันร้ายไบโพลาร์
- อัดกรธ.เป็น 'ไบโพล่าร์'
- ขณะนี้มีอาการไบโพลาร์ทางการเมือง
วอนสื่อและสังคมไทยใช้คำนี้ให้ถูกความหมาย
คนกลับกลอกก็ด่าเขาว่าขี้โกหก คนอาละวาดก็ด่าเขาว่าขี้วีน ตัวร้ายในละครคือคนเห็นแก่ตัว ฆาตกรเลือดเย็นเรียกว่าโซโคพาท อย่างนี้ได้ไหม? ตอนนี้คำว่าไบโพลาร์มันร้อนจนทุกคนนำมาใช้เพื่อดึงดูดความสนใจ หรือเพื่อผลทางการตลาด แล้วมันก็ได้ผลดีมาก ข่าวถ้าพาดหัวว่าไบโพลาร์คนจะสนใจทันที ล่าสุดเจอละคร Love Bipolar ซึ่งในเรื่องไม่มีใครเป็นไบโพลาร์ (แต่นางเอกขี่วีน) แต่เขาใช้คำนี้ในชื่อเรื่องให้ดูน่าสนใจ กรณีนี้ไม่เลวร้ายเช่นกรณีข้างต้น แต่ลองคิดดูว่าถ้าเปลี่ยนชื่อเป็น Love Autistic มันจะดูเหยียดผู้ป่วยออทิสติก (ไม่ politically correct) ขึ้นมาทันที แต่คำว่าไบโพลาร์ใช้กันได้ เพราะความเข้าใจผิดว่าผู้ป่วยเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผู้ป่วยเห็นทีไรก็เจ็บทุกที
เมืองไทยมีผู้ป่วยไบโพลาร์ประมาณ 1 ล้านคน อยากให้ทุกครั้งที่ใครจะใช้คำนี้อย่างไม่ตรงกับทางการแพทย์ ขอให้คิดถึงความรู้สึกคน 1 ล้านคนนี้สักนิด ว่าถ้าเขาได้ฟัง แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ พวกเราขอให้เลิกใช้ชื่อโรคจิตเวชเป็นคำด่า หยอกล้อ หรือดึงดูดความสนใจ ยังมีคำอีกมากมายที่ตรงกว่า และได้ผลเช่นกัน.
ช่วยรณรงค์กำจัดตราบาป แชร์บทความนี้ให้ทุกคนเห็น
อ้างอิง
- The vision of World Bipolar Day is to bring world awareness to bipolar disorders and to eliminate social stigma. — http://www.worldbipolarday.org/
- Bipolar disorder is a brain disorder that causes unusual shifts in mood, energy, activity levels, and the ability to carry out day-to-day tasks. Symptoms of bipolar disorder are severe and different from the normal ups and downs that everyone goes through from time to time. —http://www.worldbipolarday.org/about-wbd.html
- Percentages of time spent ill for bipolar I versus II patients were: euthymia 47.7% versus 50.2% — https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/17680925
- Diagnosis Guide for Bipolar Disorder — https://www.healthline.com/health/bipolar-disorder/bipolar-diagnosis-guide