เวลาพบหมอ มันสำคัญมากที่เราจะต้องสามารถสื่อสารว่า ช่วงที่ผ่านมาเราอาการเป็นไง สัปดาห์ไหนปกติ สัปดาห์ไหนดีเพรสบ้าง และ (สำหรับไบโพลาร์) สัปดาห์ไหนแมเนียหรือเปล่า. เมื่อเข้าใจโรคเพียงคร่าวๆ คนมักจะคิดว่าดีเพรสคือเศร้านานๆ แมเนียคือรู้สึกดีหรือก้าวร้าวนานๆ ซึ่งถูกเพียงส่วนเดียว. เมื่อเข้าใจนิยามของอาการเหล่านี้ไม่ตรงกับหมอ เวลาเราเล่า หมอก็จะเข้าใจอาการไม่ตรงกันเรา.
ผลคือหมอก็จะปรับยาผิด เพราะเข้าใจอาการผิด เช่นเราดีเพรสอย่างเดียวมานานแล้ว แต่วีนแฟนบ่อยเพราะปัญหาชีวิตคู่. เราเล่าอาการทีไรหมอก็คิดว่าแมเนีย เลยให้แต่ยาคุมอารมณ์. ความเข้าใจผิดแบบนี้ทำให้การรักษาไม่คืบหน้า เพราะยาไม่ช่วยให้อาการหายหมดสักที จนบางคนท้อกับการรักษา. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ เราต้องเข้าใจอาการของโรคตรงกับนิยามที่หมอใช้. เมื่อสื่อสารกับหมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาก็จะก้าวหน้า เราก็จะมีอาการน้อยลง และสามารถใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้นเรื่อยๆ.
ก่อนอื่นเริ่มจากนิยามศัพท์พื้นฐานก่อน.
ผลคือหมอก็จะปรับยาผิด เพราะเข้าใจอาการผิด เช่นเราดีเพรสอย่างเดียวมานานแล้ว แต่วีนแฟนบ่อยเพราะปัญหาชีวิตคู่. เราเล่าอาการทีไรหมอก็คิดว่าแมเนีย เลยให้แต่ยาคุมอารมณ์. ความเข้าใจผิดแบบนี้ทำให้การรักษาไม่คืบหน้า เพราะยาไม่ช่วยให้อาการหายหมดสักที จนบางคนท้อกับการรักษา. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ เราต้องเข้าใจอาการของโรคตรงกับนิยามที่หมอใช้. เมื่อสื่อสารกับหมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาก็จะก้าวหน้า เราก็จะมีอาการน้อยลง และสามารถใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้นเรื่อยๆ.
ก่อนอื่นเริ่มจากนิยามศัพท์พื้นฐานก่อน.
ความรู้สึก (emotion, feeling)
คือสถาวะจิตใจที่เรารู้สึกต่อตัวกระตุ้นหนึ่ง อาจจะเป็นตัวกระตุ้นภายนอกเช่นคำพูด หรือภายในเช่นความคิด ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกเกิดขึ้นโดยทันทีทันใด (ไม่ต้องคิด) และจะมีอายุสั้นๆ เป็นวินาทีหรือนาที. ความรู้สึกจะทำให้เกิดความเปลี่ยนทางกาย (เช่นหัวใจเต้นเร็ว) และใจ (เช่นตัดสินใจบางอย่าง). ดู 6 ความรู้สึกพื้นฐานในรูปทางขวา.ตัวอย่างเช่น เวียร์เห็นงู รู้สึกกลัวเลยวิ่งหนี. นิวนึกถึงแฟนเก่าแล้วคิดถึงเลยอยากโทรแต่ลังเล.
อารมณ์ (mood)
คือความรู้สึกโดยรวมที่ยืนพื้นอยู่ตลอดช่วงเวลาหนึ่ง. ตามปกติอารมณ์จะไม่เกี่ยวกับตัวกระตุ้นอันใดอันนึงเลย. อารมณ์อาจจะเริ่มจากเหตุการณ์หนึ่ง หรืออาจจะเกิดขึ้นเอง. อารมณ์จะแบ่งเป็นดี (น่าเอา) กับเสีย (ไม่น่าเอา).ตัวอย่างเช่น คริสถูกเพื่อนถามเรื่องอายุ จึงรู้สึกโกรธเพื่อนทันทีแต่ก็ได้แค่หัวเราะและแซวกลับไป แต่หลังจากนั้นคริสก็อารมณ์เสียและท้อแท้ไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น. เช้านั้นแม่บ้านมาทำงานสายไปสิบนาที คริสจึงรู้สึกโกรธแม่บ้านและต่อว่าอย่างรุนแรงไป ซึ่งทำให้คริสรู้สึกเกลียดตัวเอง หลังจากนั้นคริสจึงตกลงไปในอารมณ์ท้อแท้ยาวไปจนถึงเย็น. เมื่อแมวตัวโปรดเดินเข้ามาคลอเคลีย เธอรู้สึกรักมัน และมีความสุขขึ้นมาแว็บนึง แล้วอารมณ์ท้อแท้ก็กลับมาครอบงำเธอเช่นเดิม.ความรู้สึกจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดทั้งวัน เพราะมันเป็นปฏิกิริยาต่อตัวกระตุ้นที่ประดังเข้ามาตลอดทั้งวัน ทำให้ความรู้สึกของเราเปลี่ยนไปตาม. ในทางตรงข้ามอารมณ์จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า ต้องอาศัยบางเหตุการณ์หรือความเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อม. หากอารมณ์มีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ จนทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันไม่ได้ ก็เรียกว่าเป็นโรคจิตเวชกลุ่ม mood disorder เช่นโรคซึมเศร้าหรือไบโพลาร์.
ช่วงอารมณ์ (mood episode)
เป็นช่วงเวลาที่อารมณ์(ไม่ใช่ความรู้สึก)และพฤติกรรมของเรา เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากตัวเราปกติ. โรคซึมเศร้าจะแกว่งไปมาระหว่างดีเพรส กับปกติ. แต่โรคไบโพลาร์จะมีแมเนีย ไฮโปแมเนีย หรือมิกซ์ เพิ่มขึ้นอีกด้วย.ดีเพรส (depressive episode)
ดีเพรสเป็นช่วงเวลาที่(ใจ)เราหมดพลัง เป็นช่วงเวลาที่อารมณ์แย่. คำว่าแย่คือเมื่อเทียบกับตัวเราตอนปกติ (วัดจากความรู้สึกตัวเอง หรือคนอื่นสังเกต). การจะเรียกว่าดีเพรสมีเกณฑ์ดังนี้:-ก. มีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 5 ข้อ
โดยอย่างน้อยต้องมีอาการทางอารมณ์ข้อ 1 หรือข้อ 2 ด้วย- *อารมณ์แย่ เช่น เศร้า ว่างเปล่า หมดหวัง ร้องไห้ง่าย เกือบทั้งวัน (อาจมากตอนเช้า)
- *อารมณ์เบื่อหน่าย ความสนใจหรือความสุขหายไปมาก ต่อกิจกรรมที่เคยชอบเกือบทั้งหมด เกือบทั้งวัน (เช่นเพื่อน สัตว์เลี้ยง เพลง ทีวี หนัง)
- น้ำหนักลงหรือขึ้นมาก (เกิน 5% โดยไม่ได้ตั้งใจ) หรือความอยากอาหารมากขึ้นหรือน้อยลง
- นอนไม่หลับ หรือนอนมาก
- *ทำอะไรช้าลง หรือกระสับกระส่าย จนคนอื่นสังเกตเห็นได้ (ไม่ใช่แค่ความรู้สึกตัวเอง)
- *อ่อนล้า หรือ(ใจ)หมดแรง
- *รู้สึกไร้ค่า หรือรู้สึกผิดโดยไม่จำเป็นหรือมากเกินไป (เช่นจากความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ใช่แค่ตำหนิตัวเองเพราะทำความผิด หรือรู้สึกผิดที่ป่วย)
- ความสามารถในการคิดหรือสมาธิลดลง หรือลังเลไม่กล้าตัดสินใจ
- *คิดซ้ำๆเกี่ยวกับความตาย (ไม่ใช่แค่ความกลัวตาย) หรือการฆ่าตัวตาย หรือวางแผนฆ่าตัวตาย หรือลงมือทำ
ข. โดยอาการต้อง
- เป็นแบบนั้นเกือบทั้งวัน เกือบทุกวัน
- สำหรับคนที่หมอยังไม่ได้วินิจฉัย ต้องเป็นต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หนักจนลำบากหรือบกพร่องในหน้าที่สำคัญของชีวิต เช่น งาน เรียน สังคม ความรัก ครอบครัว
- ไม่ได้เกิดจากภาวะทางกาย เช่น แอลกอฮอล์ ยาเสพติด ยา หรือโรคทางกาย (เช่น ภาวะขาดไทรอยด์)
แมเนีย และไฮโปแมเนีย (manic/hypomanic episode)
แมเนียและไฮโปแมเนียเป็นช่วงเวลาที่เราแอคทีฟผิดปกติ. แมเนียคืออาการขั้นรุนแรง (จนอาจเกิดความเสียหาย) ส่วนไฮโปแมเนียคืออาการระดับเบา. บางทีเราอาจจะชอบตัวเองเวลาไฮโปแมเนีย แต่ไฮโปแมเนียสามารถเลยไปจนเป็นแมเนียก็ได้ หรือตกลงมาดีเพรสก็ได้. แมเนียและไฮโปแมเนียเป็นช่วงเวลาที่แยกออกมาชัดเจน (รู้ว่าเริ่มวันไหนหายไปวันไหน) ที่มีความผิดปกติอย่างต่อเนื่องของอารมณ์ โดยมีเกณฑ์ดังนี้:-ก. มีอารมณ์ต่อไปอย่างนี้อย่างน้อย 1 ข้อ
อย่างผิดปกติและต่อเนื่อง- *อารมณ์ดี (มีความสุข รู้สึกชีวิตดี๊ดี มั่นใจในตัวเอง เหมือนประสบความสำเร็จ)
หรือครึกครื้น (เข้ากับคนง่าย เปิดเผย กล้าแสดงออก) - หงุดหงิด โกรธง่าย
ข. และมีอาการต่อไปอย่างนี้อย่างน้อย 1 ข้อ
อย่างผิดปกติและต่อเนื่อง- ไฮเปอร์ ทำอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น
- จิตใจแอคทีฟกระตือรือร้นมากขึ้น
ค. และมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 3 ข้อ
โดยอาการนั้นๆแตกต่างไปจากตัวเราตามปกติอย่างเห็นได้ชัด (ถ้าข้อ ก. มีแต่อารมณ์ข้อ 3. หงุดหงิด เพียงอย่างเดียว ต้องมีอาการอย่างน้อย 4 ข้อ)- *มั่นใจตัวเองเกินไป หรือถึงขั้นหลงตัวเองว่าเหนือกว่าคนอื่น
- *ความต้องการนอนลดน้อยลง เช่นนอนน้อยลง แต่ไม่ง่วงไม่เพลีย
- *คุยเก่งมากกว่าปกติ หรือพูดมากหยุดไม่ได้เหมือนมีเรื่องเร่งด่วน
- *ไอเดียพลุ่งพล่าน คือเล่าเรื่องไอเดียดีๆที่มีอยู่เต็มไปหมดอย่างรัวๆ หรือความคิดแข่งกันในหัว (racing thought) คือมีความคิดมากมาย(หรือเพลง)แข่งกันขึ้นมาใช้พื้นที่ในหัวเรา ขณะความคิดอื่นก็ยังอยู่ในแบคกราวนด์. ทำให้เวลาพูดจะเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆรัวๆ จนคนฟังตามเรื่องไม่ทัน.
- วอกแวกเปลี่ยนความสนใจง่าย ถูกดึงความสนใจไปยังอะไรที่ไม่สำคัญหรือไม่เกี่ยวกับตัวเองอยู่เรื่อย
- *เพิ่มการทำกิจกรรมที่มีเป้าหมาย (คือประสบความสำเร็จได้เช่น งาน สังคม เรียน เซ็กส์) หรือ อยู่นิ่งไม่ได้
- *หมกหมุ่นกิจกรรมที่ให้ความสุขแต่มีผลร้ายแน่ๆ เช่น ช็อบกระหน่ำ เซ็กส์ไม่เลือกหน้า หรือลงทุนทำธุรกิจโง่ๆ
ง. โดยอาการต้อง
- สำหรับคนที่หมอยังไม่ได้วินิจฉัย ต้องเป็นต่อเนื่องกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์สำหรับแมเนีย (ยกเว้นคนที่แอดมิต); และอย่างน้อย 4 วันสำหรับไฮโปแมเนีย
- สำหรับแมเนีย
- หนักจนบกพร่องในหน้าที่สำคัญของชีวิต เช่น งาน เรียน สังคม ความรัก ครอบครัว
- หรือหนักจนต้องแอดมิตจิตเวช เพื่อป้องกันอันตรายต่อตัวเองหรือคนอื่น
- หรือมีอาการไซโคซิส คือหลุดจากความเป็นจริง ซึ่งมี 2 แบบ คือ ประสาทหลอน (เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัส ได้รส สิ่งที่ไม่มีจริง) และ หลงผิด (เช่นเชื่อว่าตัวเองรวยมาก บรรลุธรรม มีอำนาจมาก ไม่มีทางบาดเจ็บ)
- สำหรับไฮโปแมเนีย
- มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนภายในตัวเรา ทั้งอารมณ์การพฤติกรรม ในลักษณะที่เหมือนไม่ใช่ตัวเรา และมากพอที่คนอื่นจะสังเกตเห็น
- แต่ไม่หนักขนาดข้อ ค.3 (สำหรับแมเนีย)
- ไม่ได้เกิดจากภาวะทางกาย เช่น แอลกอฮอล์ ยาเสพติด ยา หรือโรคทางกาย (เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน)
มิกซ์ (mixed feature)
บางครั้งเราอาจจะมีอาการทั้งขั้วดีเพรสและแมเนียในเวลาเดียว แต่มักจะหนักไปขั้วหนึ่งมากกว่าอีกขั้วหนึ่ง. คนที่ดีเพรสตามเกณฑ์ข้างบน (เป็นโรคซึมเศร้าหรือไบโพลาร์) อาจมีอาการของ(ไฮโป)แมเนียผสมด้วย หรือคนที่(ไฮโป)แมเนียตามเกณฑ์ข้างบน อาจมีอาการของดีเพรสผสมด้วย. ทั้งดีเพรส แมเนีย และไฮโปแมเนีย จึงสามารถมีคุณสมบัติเพิ่มคือผสม (mixed feature) ที่ระบุว่ามีอาการบางส่วนของอีกขั้วหนึ่งอยู่ด้วย.มิกซ์แมเนีย/ไฮโปแมเนีย (manic/hypomanic episode with mixed feature)
เกณฑ์คือ นอกจากเป็นตามเกณฑ์ของ(ไฮโป)แมเนียแล้ว ยังมีอาการของดีเพรสในข้อ ก. (เฉพาะข้อที่มี * ดอกจัน) อย่างน้อย 3 ข้อ ในเวลาเดียวกับอาการของแมเนีย (ไม่ใช่สลับไปมา).มิกซ์ดีเพรส (depressive episode with mixed feature)
เกณฑ์คือ นอกจากเป็นตามเกณฑ์ของดีเพรสแล้ว ยังมีอาการของแมเนียในข้อ ก. และ ค. (เฉพาะข้อที่มี * ดอกจัน) อย่างน้อย 3 ข้อ ในเวลาเดียวกับอาการของดีเพรส (ไม่ใช่สลับไปมา).ความเชื่อที่ผิด
- ผู้ป่วยไบโพลาร์ มีแต่ดีเพรสกับแมเนียสลับไปมา
ความจริง มีช่วงอารมณ์ปกติด้วย. คนส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยใช้เวลาอยู่ในช่วงปกติมากที่สุด. - อารมณ์เย็นชา ไร้ความรู้สึก คือช่วงปกติ ไม่ได้ดีเพรส
เบื่อหน่ายไม่มีความสุข เป็นอาการข้อ ก2 ของดีเพรส. แค่หายรู้สึกแย่ไม่ได้แปลว่าหายดีเพรส ต้องเช็คตามเกณฑ์ของดีเพรสว่าไม่เข้าเกณฑ์จริงๆ. - วีนคือแมเนีย
ความจริง วีนคือโมโหแล้วคุมตัวเองไม่ได้ เกิดได้ทั้งตอนดีเพรสและแมเนีย. แต่ถ้าแมเนียแบบหงุดหงิดอาจจะเกิดบ่อยเท่านั้น. - หงุดหงิดคือแมเนีย
ความจริง ตอนดีเพรสก็หงุดหงิดได้. จะเรียกว่าแมเนียก็ต้องเป็นครบตามเกณฑ์ข้างบน. ดูแค่อารมณ์หงุดหงิดอย่างเดียวไม่ได้. - แมเนียคือแรง ก้าวร้าว
ความจริง กล้าแสดงออกเป็นอาการหนึ่งของแมเนีย แต่ไม่จำเป็นต้องมีเสมอไป. ส่วนก้าวร้าวรุนแรงไม่อยู่ในเกณฑ์เลย. - วันนึงเดี๋ยวดีเพรสเดี๋ยวแมเนีย
ความจริง ต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างความรู้สึกกับอารมณ์กับช่วงอารมณ์. ด้วยเกณฑ์ข้างบน เราจะรู้ได้ไม่ยากว่าเริ่มดีเพรสวันไหน หายวันไหน เริ่ม(ไฮโป)แมเนียวันไหน หายวันไหน. ดังนั้นเราจึงรู้ตลอดเวลาว่าฉันกำลังอยู่ช่วงอารมณ์ไหน. ส่วนการที่ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงตลอดวัน เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคน เพราะมีเรื่องดีร้ายเข้ามาหาเราตลอดเวลา. แต่ความรู้สึกกับอารมณ์เป็นคนละอย่าง. เราจะมีความรู้สึกโมโหหรือสนุกสนานตอนดีเพรสก็ได้ แต่โดยรวมน่าจะเกิดน้อยกว่าอารมณ์แย่ที่ยืนพื้น. เราจะมีความรู้สึกเสียใจหรือท้อแท้ตอนไฮโปแมเนียก็ได้ แต่โดยรวมน่าจะเกิดน้อยกว่าอารมณ์แอคทีฟ.
แหล่งข้อมูล
- Bipolar Disorder in Adults; National Institute of Mental Health (NIMH), U.S.
- Bipolar disorder; Mayo Clinic
- หัวข้อ ดีเพรส เรียบเรียงจาก DSM-5 major depressive episode
- หัวข้อ แมเนีย และไฮโปแมเนีย เรียบเรียงจาก DSM-5 manic episode, hypomanic episode
- หัวข้อ มิกซ์ เรียบเรียงจาก ncbi, psychcentral