เปล่า ยาโรคอื่นก็หยุดยาเองไม่ได้เหมือนกัน เช่นยาความดัน ยาแก้ปวดแรงๆ และสเตียรอยด์ เมื่อร่างกายปรับตัวกับมันแล้ว การหยุดยาพวกนี้ทันทีจะทำให้ร่างกายเสียสมดุลซึ่งจะทรมานมาก มันไม่ได้แปลว่าหยุดยาไม่ได้ มันแปลว่า “เราหยุดยาเองไม่ได้” เมื่อเราหายแล้ว หมอจะหยุดยาโดยค่อยๆลดยาด้วยอัตราที่เหมาะสม ตอนนั้นเราก็จะไม่มีปัญหาเลย
การติดยาเสพติดเป็นคนละเรื่องกัน นึกดูตอนใช้ยาเสพติดเราจะต้องมีความสุขด้วย ที่คนเลิกไม่ได้เพราะติดความสุขอันนี้ ถามจริง ใครมีความสุขตอนกินยาจิตเวชเหรอ?
ตอนนี้คงตอบได้แล้วใช่ไหมว่า เราจะต้องกลัวติดยาจิตเวชหรือเปล่า
มันเหมือนเราขาหัก ตอนแรกเราเดินไม่ได้เลย แล้วหมอก็ใส่เฝือกเพื่อให้ขานิ่งเพื่อจะได้ซ่อมแซมตัวเอง หมอให้ไม้ค้ำมาเราเลยพอเดินได้ช้าๆ ปล่อยไว้นานมากหลายเดือน กระดูกก็ค่อยๆเชื่อมกันโดยเราไม่รู้ตัว จนหมอเอ็กซเรย์เห็นว่าเราหายแล้ว ก็จะถอดเฝือกได้
แต่สมมุติเรายังไม่หาย กำลังเดินกะเผลกอยู่ แล้วมีใครมาแกล้งดึงไม้ค้ำไป เราเลยล้มขาหักใหม่ วินาทีนั้นจะโคตรเจ็บเพราะกระดูกเคลื่อน ผลก็คือต้องไปเริ่มต้นใส่เฝือกใหม่อีก ให้ร่างกายเยียวยาตัวเองใหม่ ใช้เวลานานขึ้นหลายเท่า
ยาจิตเวชก็คล้ายๆแบบนั้น มันทำให้อาการสงบลง สมองและจิตใจเราก็จะได้ซ่อมแซมตัวเอง เหมือนแผลที่ค่อยๆหายโดยไม่รู้ตัว แต่บางคนพอกลับมาใช้ชีวิตได้แล้ว ความที่เกลียดยาเลยวินิจฉัยตัวเองว่าหายแล้ว หยุดยาเอง วันถัดมาก็จะพบทันทีว่าแผลยังอยู่ แต่คราวนี้มันจะเจ็บยิ่งกว่าความเจ็บที่ทำให้เราป่วยเสียอีก เพราะแผลที่เริ่มซ่อมแซมตัวเองกลับฉีกขาดใหม่ การรักษาก็จะใช้เวลานานขึ้นอีกหลายเท่า
ยาจิตเวชช่วยรักษาสมองเรา อะไรที่เกี่ยวกับสมองก็ปล่อยให้คนที่เรียนมาโดยตรงดูแลดีกว่านะ
การติดยาเสพติดเป็นคนละเรื่องกัน นึกดูตอนใช้ยาเสพติดเราจะต้องมีความสุขด้วย ที่คนเลิกไม่ได้เพราะติดความสุขอันนี้ ถามจริง ใครมีความสุขตอนกินยาจิตเวชเหรอ?
ตอนนี้คงตอบได้แล้วใช่ไหมว่า เราจะต้องกลัวติดยาจิตเวชหรือเปล่า
ทำไมต้องกินต่อเนื่องหลายเดือน
หลายโรคก็ต้องกินยาต่อเนื่องเป็นเดือนปีใช่ไหม เช่นวัณโรค มาลาเรีย งูสวัด มะเร็งบางชนิด ฯลฯ รักษาหายได้แน่นอน แต่ต้องกินยาหลายเดือน/ปี ชื่อโรคที่ยกตัวอย่างดูร้ายแรงเกินไปไหม? เราต้องทำใจว่าโรคของเราก็ร้ายแรงแบบนั้น (โอกาสตายไม่น้อยกว่าโรคพวกนั้นนะ) ถ้าเราไม่มีวินัยหาหมอกินยาก็จะไม่หาย (หรือตาย) โรคเรารักษาหายได้ ก็ต่อเมื่อกินยาต่อเนื่องนานหลายเดือนมันเหมือนเราขาหัก ตอนแรกเราเดินไม่ได้เลย แล้วหมอก็ใส่เฝือกเพื่อให้ขานิ่งเพื่อจะได้ซ่อมแซมตัวเอง หมอให้ไม้ค้ำมาเราเลยพอเดินได้ช้าๆ ปล่อยไว้นานมากหลายเดือน กระดูกก็ค่อยๆเชื่อมกันโดยเราไม่รู้ตัว จนหมอเอ็กซเรย์เห็นว่าเราหายแล้ว ก็จะถอดเฝือกได้
แต่สมมุติเรายังไม่หาย กำลังเดินกะเผลกอยู่ แล้วมีใครมาแกล้งดึงไม้ค้ำไป เราเลยล้มขาหักใหม่ วินาทีนั้นจะโคตรเจ็บเพราะกระดูกเคลื่อน ผลก็คือต้องไปเริ่มต้นใส่เฝือกใหม่อีก ให้ร่างกายเยียวยาตัวเองใหม่ ใช้เวลานานขึ้นหลายเท่า
ยาจิตเวชก็คล้ายๆแบบนั้น มันทำให้อาการสงบลง สมองและจิตใจเราก็จะได้ซ่อมแซมตัวเอง เหมือนแผลที่ค่อยๆหายโดยไม่รู้ตัว แต่บางคนพอกลับมาใช้ชีวิตได้แล้ว ความที่เกลียดยาเลยวินิจฉัยตัวเองว่าหายแล้ว หยุดยาเอง วันถัดมาก็จะพบทันทีว่าแผลยังอยู่ แต่คราวนี้มันจะเจ็บยิ่งกว่าความเจ็บที่ทำให้เราป่วยเสียอีก เพราะแผลที่เริ่มซ่อมแซมตัวเองกลับฉีกขาดใหม่ การรักษาก็จะใช้เวลานานขึ้นอีกหลายเท่า
อย่าหยุดยาจิตเวชเองเด็ดขาด
คนที่เคยหยุดยาเองสักครั้งจะไม่ต้องห้ามแล้วเพราะจะเข็ด มันทรมานยิ่งกว่าอาการป่วยที่เราเป็น อันที่จริงไม่มีอะไรทุรนทุรายยิ่งกว่านั้นแล้ว มันเหมือนสมองจะระเบิด เหมือนกำลังจะเป็นบ้า จนบางคนฆ่าตัวตายหลังจากหยุดยาเองแบบนี้ เพราะความคิดความรู้สึกจะปั่นป่วนไปหมดจากสมองที่เสียสมดุลอย่างรุนแรง เหมือนอยู่ดีๆไม้ค้ำหายวับไปยาจิตเวชช่วยรักษาสมองเรา อะไรที่เกี่ยวกับสมองก็ปล่อยให้คนที่เรียนมาโดยตรงดูแลดีกว่านะ